พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งการให้จัดตั้งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ณ กองพลทหารราบที่ 7 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบ การเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยปัญหาฝุ่นละออง ถูกยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและเร่งแก้ปัญหา โดยอาศัยการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้ พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 (2) ลงพื้นที่ กำชับและดำเนินการจับกุมเอาผิดผู้ลักลอบเผาไม้ทำลายป่า และการรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ หยุดการเผาตอซังข้าวหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อลดการเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 ในเขตภาคเหนือ
โดย พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า กล่าวว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยสถานการณ์ฝุ่นละออง และได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมและบูรณาการแผนงานป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง pm 2.5เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ เน้นการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ วางแนวทางการบริหารจัดการสาธารณภัยและแผนเผชิญเหตุในพื้นที่ พร้อมประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟป่าและฝุ่นละออง pm 2.5 น้อยที่สุด
ทั้งนี้ กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า จะมีการจัดตั้งชุดประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์ปลุกจิตสำนึก ให้กับประชาชนในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ได้มีส่วนร่วมป้องกันไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 จำนวน 14 ชุดปฏิบัติการ จากมณฑลทหารบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 15 หน่วยงาน ในแต่ละพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังแจ้งเตือนการเกิดไฟป่า สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนในชุมชนเกิดความรู้ ความเข้าใจในการร่วมกันป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า และฝุ่นละออง pm 2.5 ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนืออย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป