โครงการสร้างฝายชะลอน้ำ สืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธาน ในหลวงรัชกาลที่ 9
ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
องค์การป่ารักน้ำแห่งประเทศไทย ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2549 โดยการรวบรวมประชาชนทุกหมู่เหล่า นักวิชาการ ทหาร ตำรวจ ประชาชน และภาคเอกชน รวมดวงใจถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยการทำงานเสียสละเพื่อสังคม ทดแทนคุณแผ่นดิน ขยายงานโครงการรณรงค์สร้างฝายต้นน้ำ ลำธาร (Check Dam) เพื่อสนองแนวพระราชดำริ
และเนื่องในโอกาส สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา 2 เมษายน 2563 องค์การป่ารักน้ำแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงใหม่, ส่วนราชการ, เอกชน, และภาคประชาชน จัดทำกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล “โครงการสร้างฝายชะลอน้ำ
สืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธาน ในหลวงรัชกาลที่ 9” ฝายต้นน้ำลำธาร ตามแนวพระราชดำริฯ ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 3 ตำบล 10 หมู่บ้าน โดยได้รับการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์จากผู้มีจิตศรัทธา ได้แก่ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด และ “BAAN & BEYOND” รวมทั้งบริษัทอื่นๆ และประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันสมทบทุน ในการสร้างฝายชะลอน้ำกว่า 281 ฝาย, การซ่อมฝายชะลอน้ำ 100 ฝาย รวมทั้งอ่างพักน้ำ อีกจำนวน 2 อ่าง
ในการนี้ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้มอบหมายให้ พลตรี วีรวัฒน์ วิวัฒน์วานิช เลขาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เป็นผู้แทนในพิธีเปิดงาน “โครงการสร้างฝายชะลอน้ำ สืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธาน ในหลวงรัชกาลที่ 9” ณ หมู่บ้านใหม่พัฒนาสันติ หมู่ที่ 14 ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
โดยมี องค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทย ร่วมกับส่วนราชการ, ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมกิจกรรมกว่า 350 คน ซึ่งกิจกรรมสร้างฝายในอำเภอแม่แจ่ม ขององค์การป่ารักษ์น้ำแห่งประเทศไทย เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2549 เป็นต้นมา เป้าหมายเพื่อลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดเป็นอาหารสัตว์ สร้างป่าต้นน้ำและสร้างอาชีพใหม่ที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่าการทำลายป่าต้นน้ำเพื่อปลูกข้าวโพด ซึ่งปัจจุบัน อำเภอแม่แจ่ม มีการปลูกข้าวโพดปีละ 170,000 – 200,000 ไร่ ได้เมล็ดข้าวโพด 70,000 ตัน เหลือซังข้าวโพด 40,000 ตัน และต้นข้าวโพดปีละ 45,000 ตัน ถูกเผาทำลาย สร้างปัญหาไฟป่าหมอกควันทุกปี
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยกันฟื้นฟูและรักษาระบบนิเวศ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ฟื้นฟูป่าไม้ ต้นน้ำน้ำลำธาร เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับแผ่นดิน สร้างความสมดุลให้กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเป็นการน้อมนำแนวทางตามพระราชดำริ อีกทั้งเป็นการป้องกันการเกิดไฟป่า หมอกควัน และอุ่นละอองในอากาศอีกด้วย