วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 143 ณ ศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้
ตามที่ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้มอบหมายให้หน่วยทหารทั่วประเทศ ระดมใช้ศักยภาพของทรัพยากรที่มีอยู่ สนับสนุนรัฐบาลดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งลดภาระระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะในพื้นที่ส่วนกลาง กระจายไปยังส่วนภูมิภาค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วย พร้อมกำชับให้หน่วยดูแลกำลังพล เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ควบคู่ไปกับมาตรการพิทักษ์พลอย่างเคร่งครัด และสวมใส่เครื่องป้องกันตนอย่างเหมาะสม ตลอดจนดูแลให้ได้รับการฉีดวัคซีนตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มีความแข็งแรง พร้อมปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบอย่างปลอดภัย นั้น
ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ได้ดำเนินโครงการ “คนไทย ไม่ทิ้งกัน” กองทัพบก และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พาคนกลับบ้าน เพื่อไปรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย (ผู้ป่วยสีเขียว) จาก กรุงเทพมหานครฯ กลับยังภูมิลำเนาในพื้นที่ภาคเหนือ เริ่มตั้งแต่ วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยมีกิจกรรมการปฏิบัติ รายละเอียดดังนี้
1. การเคลื่อนย้ายทางรถยนต์ ตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด จำนวน 6 ครั้ง ผู้ป่วยฯ 197 คน รายละเอียดดังนี้
1.1 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2564 รับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากกรุงเทพฯ กลับมาเข้าสู่ระบบการรักษายังภูมิลำเนา จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 18 คน
1.2 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 รับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากกรุงเทพฯ กลับมาเข้าสู่ระบบการรักษายังภูมิลำเนา จำนวน 27 คน (จังหวัดพิษณุโลก 26 คน และจังหวัดเชียงใหม่ 1 คน)
1.3 เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 รับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากกรุงเทพฯ กลับมาเข้าสู่ระบบการรักษายังภูมิลำเนา จำนวน 6 คน (จังหวัดพิจิตร 4 คน และจังหวัดลำปาง 2 คน)
1.4 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 รับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากกรุงเทพฯ กลับมาเข้าสู่ระบบการรักษายังภูมิลำเนา จำนวน 54 คน (จังหวัดพิษณุโลก 48 คน, จังหวัดพิจิตร 3 คน และจังหวัดนครสวรรค์ 3 คน)
1.5 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2564 รับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากกรุงเทพฯ กลับมาเข้าสู่ระบบการรักษายังภูมิลำเนา จำนวน 52 คน (จังหวัดพิษณุโลก 42 คน และจังหวัดตาก 10 คน)
1.6 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 รับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากกรุงเทพฯ กลับมาเข้าสู่ระบบการรักษายังภูมิลำเนา จำนวน 45 คน (จังหวัดพิษณุโลก 27 คน และจังหวัดพิจิตร 18 คน)
2. การจัดตั้งศูนย์ประสานงานต้านโควิด-19 กองทัพภาคที่ 3 ณ สโมสรค่ายจิรประวัติ มณฑลทหารบกที่ 31 จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้.
2.1 เป็นจุดพักรถจากกรุงเทพมหานคร, เข้าห้องน้ำ, ผ่อนคลายอิริยาบถ, รับข้าวกล่อง รวมทั้งตรวจสอบอาการโดยแพทย์ทหารผู้เชี่ยวชาญ ก่อนที่ขบวนรถจะนำผู้ป่วยส่งไปรักษาตัวต่อ ในโครงการ “คนไทย ไม่ทิ้งกัน” กองทัพบก และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พาคนกลับบ้าน ในพื้นที่ภาคเหนือต่อไป
2.2 เป็นจุดประสานการปฏิบัติของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อส่งกลับผู้ป่วยฯ ไปยังหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ
2.3 เป็นจุดพักจากกรุงเทพมหานคร, เข้าห้องน้ำ, ผ่อนคลายอิริยาบถ ในส่วนของขบวนการเคลื่อนย้ายอื่นๆ ของพลเรือนทั่วไป ในพื้นที่ภาคเหนือ เมื่อได้รับการประสานจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระหว่างการเดินทาง
3. การเคลื่อนย้ายโดยอากาศยาน ตามที่ ผู้บัญชาการทหารบก ได้อนุมัติให้จัดเตรียมอากาศยาน แบบ บ.ล.295 ในการส่งกลับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย (ผู้ป่วยสีเขียว) ที่มีความประสงค์ไปรักษายังภูมิลำเนา เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้มีความปลอดภัย ในกรณีที่มีระยะทางไกลหรือมีความเร่งด่วนในการรักษาของผู้ป่วยให้ได้รับการดูแลและรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความคับคั่งของระบบสาธารณสุขส่วนกลางกระจายไปยังส่วนภูมิภาค ตามคำร้องขอของ กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ในทุกพื้นที่ภาคเหนือ ภายใต้มาตรการป้องกันสูงสุด (Fully Protection) อย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอน
ทั้งนี้การดำเนินการในโครงการฯ ดังกล่าว ยังคงดำเนินการต่อไป ภายใต้ความร่วมมือกับของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดทั้ง 17 จังหวัดในภาคเหนือ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลพี่น้องคนไทยให้ดีที่สุด รวมทั้งร่วมฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อมที่จะสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ทางทหาร รวมทั้งบูรณาการศักยภาพทางการทหารในทุกๆ ด้านของกองทัพบก เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากวิกฤตทุกโอกาส