ตามที่รัฐบาล ได้มีนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง โดยบูรณาการหน่วยงานที่มีภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และสกัดกั้นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ
ประกอบกับที่รัฐบาลได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยมีข้อกำหนดตามกรอบพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้พิจารณาให้ระงับการใช้ช่องทางการเข้าออกประเทศในทุกพื้นที่ที่มีเขตติดต่อชายแดน เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 มาจนถึงปัจจุบัน นั้น
ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 ได้กำชับให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดน ได้เฝ้าระวังการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายของกลุ่มแรงงานต่างด้าว รวมไปถึงคนไทยที่ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน และลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างจริงจัง โดยมีผลการจับกุม, ผลการดำเนินคดี และการเร่งรัดการดำเนินคดีตามกฎหมาย โดย ศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3, กองกำลังนเรศวร และ กองกำลังผาเมือง ได้ร่วมกับทุกภาคส่วน ในห้วงวันที่ 24 – 30 พฤศจิกายน 2564 มีการปฏิบัติที่สำคัญ จำนวน 3 ครั้ง ผู้ต้องหา 34 คน
เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 23.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจาก กองร้อยทหารราบที่ 1413 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กำลังลาดตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายอยู่ในเขตพื้นที่ บ้านห้วยน้ำนัก ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ได้พบกลุ่มคนจำนวนมากพากันเดินลัดเลาะมาตามเส้นทางป่าเขา เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้หยุดเดินเพื่อทำการตรวจค้น ปรากฏว่าเมื่อกลุ่มคนดังกล่าวเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร บางคนหยุดนั่งอยู่กับที่ แต่บางคนวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงต้องวิ่งไล่ติดตาม จนสามารถควบคุมตัวได้ทั้งหมด จำนวน 184 คน (เป็นผู้ชาย 111 คน และผู้หญิง 73 คน) ทั้งหมดเป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ที่ลักลอบข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามายังฝั่งประเทศไทย ตรวจสอบแล้ว ทุกคนไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงการเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวตรวจคัดกรองเชื้อไวรัส Covid – 19 พร้อมทั้งส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 23.45 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจาก กองร้อยสกัดกั้นที่ 1 และกองร้อยสกัดกั้นที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการ กำลังลาดตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายอยู่ในเขตพื้นที่ บ้านแสม ตำบลสามหมื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ได้พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียนจังหวัดตาก บรรทุกคนจำนวนมากขับสวนทางมาท่าทางมีพิรุธ จึงเรียกหยุดรถเพื่อจะทำการตรวจค้น ปรากฏว่ารถยนต์คันดังกล่าว รีบจอดข้างทางแล้วคนขับรถพร้อมกับผู้โดยสารต่างพากันลงรถวิ่งหลบหนีไปข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงวิ่งไล่ติดตามจนสามารถควบคุมตัวได้ จำนวน 18 คน (เป็นผู้ชาย 12 คน และผู้หญิง 6 คน) ทั้งหมดเป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาที่ลักลอบข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติ จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังฝั่งประเทศไทย ส่วนคนขับรถยนต์กระบะซึ่งเป็นผู้นำพานั้นหลบหนีไปได้ เมื่อตรวจสอบแล้วทั้ง 18 คน ไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงการเดินทางเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวตรวจคัดกรองเชื้อไวรัส Covid – 19 พร้อมทั้งส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ที่ 3 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจาก กองร้อยสกัดกั้นที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กำลังลาดตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายอยู่ในเขตพื้นที่ บ้านวังตะเคียน ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้พบ กลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 10 คน (เป็นผู้ชาย 5 คน และผู้หญิง 5 คน) ลักลอบข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามายังฝั่งประเทศไทย ตรวจสอบแล้ว ทุกคนไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงการเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวตรวจคัดกรองเชื้อไวรัส Covid – 19 พร้อมทั้งส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หรือมีเบาะแสข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมาย ขอความกรุณาได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในการปราบปรามและการสกัดกั้นอย่างเป็นรูปธรรมตามกฎหมาย อีกทั้งหากพี่น้องประชาชนมีความประสงค์จะส่งข้อมูลเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมาย ให้กับ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 สามารถส่งข้อมูลผ่านระบบ Applications Line ชื่อ “สายตรง แม่ทัพภาคที่ 3” ID Line : ISOC3 เพื่อรับทราบข้อมูลและนำไปสู่การปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย สร้างความมั่นคงให้สังคมไทยสืบไป
********************************
คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 3
2 ธันวาคม 2564