นายพูน พุ่มเขียว เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนประกอบอาชีพรับจ้างขับรถทั่วไป เมื่อประมาณปี 2555 ได้ไปค้ำประกันการซื้อรถ ให้กับหลานชายชื่อ นายกำพล พุ่มเขียว ต่อมารถคันดังกล่าวได้ถูกขโมยไป ทำให้หลานชายไม่มีรถในการประกอบอาชีพ จึงไม่สามารถผ่อนส่งต่อได้ ส่งผลให้ทางบริษัทไฟแนนซ์ ร้องต่อศาลให้บังคับคดีโดยจะทำการยึดทรัพย์เป็นที่ดินของภรรยาตน จำนวน 21 ไร่ 3 งาน เพื่อขายทอดตลาด

ซึ่งต่อมาก็มีชายอ้างตนว่าชื่อ นายบัญญัติ สิงห์จัน เป็นนายทหารสามารถวิ่งเต้นเคลียคดีได้ โดยได้รู้จักกับนายกำพลหลานชายตน ได้ติดต่อมาว่า สามารถช่วยให้ที่ดิน กว่า 21 ไร่ของตนไม่ถูกยึดทรัพย์ได้ โดยจะจัดหาทนายสู้คดีให้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง จากนั้น นายบัญญัติ ฯ ก็ติดต่อมาอ้างว่าเรื่อง กำลังดำเนินการ ต้องใช้เงินโดยให้ตนโอนเงินให้ ครั้งละ 1-2 หมื่นบาท จำนวนหลายครั้ง รวมยอดประมาณ 160000 บาท จนกระทั่งมีหมายศาลมาติดที่บ้านว่าที่ดินจำนวน 21 ไร่ 3 งาน จะถูกขายทอดตลาดในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 นี้ ตนจึงสงสัยและได้ติดต่อกลับไปที่นายบัญญัติฯ ก็ปรากฏว่าได้รับการตอบบ่ายเบี่ยงเรื่อยมาจึงมั่นใจว่าตนถูกหลอกแน่นอน จึงได้ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรแก่งโสภา พร้อมตรวจสอบประวัตินายบัญญัติ จึงทราบว่า นายบัญญัติฯ เคยมีคดีลักษณะนี้ เป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ ตนจึงมั่นใจว่าครอบครัวของตนถูกหลอกแล้ว และขณะนี้ก็ไม่มีเงินติดตัวที่จะไปจ้างทนายมาสู้คดีได้แล้ว และหากที่ดินผืนนี้ถูกยึดไปอีกตนและครอบครัวคงหมดตัวแน่ จึงอยากจะขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆช่วยหาทนายอาสา มาช่วยสู้คดีให้กับตนเพื่อทีจะรักษาที่ดินผืนสุดท้ายของบรรพบุรุษนี้ไว้ทำมาหากินต่อไปด้วยเถอะ.

เบื้องต้นนายธานินทร์ สมบูรณ์สาร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก ได้รับเรื่องไว้และจะรีบประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งหาทนายอาสา มาช่วยเรื่องคดีให้อย่างเร่งด่วนต่อไป.

ภาพ/ข่าว นายวัฒนพร อัครชินพรรณ ประชาสัมพันธ์สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก