การรถไฟแห่งประเทศไทยจับมือกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาร่วมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
พื้นที่ของจังหวัดพิษณุโลกในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย
เช้าวันนี้ ( 16 ก.ค.58 ) ที่โรงแรมท็อปแลนด์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายวิทูรัช ศรีนาม
รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดการประชุมเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนพื้น
ที่ของจังหวัดพิษณุโลกในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย ซึ่งโครงการดังกล่าว
เป็นโครงการที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ให้ความสำคัญต่อระบบการคมนาคมขนส่ง ที่มีผลต่อการ
เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศชาติ จึงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งทางรางให้มีประ
สิทธิภาพ โดยมีแผนพัฒนาขยายเส้นทางรถไฟเข้าสู่ภูมิภาคต่างๆอย่างครอบคลุมและเข้าถึงทุกพื้นที่
โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรมและแหล่งท่อง
เที่ยวที่สำคัญของประเทศ ทั้งนี้โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย เป็นอีกโครงการ
หนึ่งที่มีแผนศึกษาความเหมาะสมและการออกแบบรายละเอียดเช่นเดียวกัน โดยในปี 2558 การรถไฟ
แห่งประเทศไทยได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา หลายบริษัท เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินงานศึกษาความ
เหมาะสม และออกแบบรายละเอียด โดยได้เริ่มปฎิบัติงานตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2558 เป็นต้นมา ระยะ
เวลาในการปฎิบัติงาน 12 เดือน และได้มีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนพื้นที่ครั้งที่ 1 ใน
ระหว่างวันที่ 15 – 17 กรกฎาคม 2558 โดยแบ่งเป็น 3 เวที ประกอบด้วย เวทีที่ 1 ที่จังหวัดพิจิตรเมื่อวันที่
15 กรกฎาคม 2558 เวทีที่ 2 ที่จังหวัดพิษณุโลก วันที่ 16 กรกฎาคม 2558 และเวทีที่ 3 ที่จังหวัดอุตรดิตถ์
ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็น และร่วมกันประ
เมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และนำความคิดเห็นที่ได้รับไปประกอบการปรับปรุงแนวทางเพื่อให้เกิด
ความเหมาะสม ต่อไป
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย การก่อสร้างเป็นระยะทาง 285 กิโลเมตรผ่าน
5 จังหวัดด้วยกันคือ จังหวัดนครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และจังหวัดแพร่ โดยความเร็วที่รถไฟฟ้า
สามารถทำความเร็วได้ที่ 160-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นการก่อสร้างเส้นทางคู่ขนานกับเส้นทางรถไฟ
เดิม ซึ่งจะสามารถสร้างความสะดวกสบายในการเดินทาง สามารถขนส่งสินค้าต่างๆเป็นการกระตุ้นระบบ
เศรษฐกิจในภาคเหนือ-ภาคกลาง และช่วยลดปริมาณรถบรรทุกสินค้าบนท้องถนนได้อีกทางหนึ่งด้วย