ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในตำบลนี้ ยังคงอนุรักษ์การใช้ไม้ไผ่ในการดำรงชีวิตแบบท้องถิ่น โดยชาวบ้านจะตัดไม้ไผ่ที่มีอยู่จำนวนมากในพื้นที่นำมาใช้เป็นอุปกรณ์ในการทำอาหารคาว หวาน ซึ่งเป็นจุดเด่นที่หาดูได้ยากและใช้ได้จริงหากไม่มีภาชนะในการปรุงอาหารกรณีเข้าไปหาป่าหลายวัน และการทำอาหารที่ชาวบ้านใช้ไม้ไผ่เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบอาหาร นั้นก็คือการทำ “หลามไก่” นับเป็นอีกหนึ่งวิธีทำกินแบบชาวบ้านๆ เป็นวิธีการประกอบอาหารแบบโบราณดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก
นายผ่องแผ้ว ดีธงทอง ผช.ผญบ.บ้านนาขุนคัน กล่าวว่า “หลามไก่”เป็นอาหารท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ จนถึงรุ่นลูกหลานในปัจจุบัน โดยกรรมวิธรการทำไม่ได้ยุ่งยาก เพียงนำเนื้อไก่ที่จะทำการ”หลาม” นำมาสับหั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอคำ จากนั้น นำมาคลุกเคล้ากับส่วนผสมของเครื่องปรุงรสที่เป็นเครื่องสมุนไพร ที่มีตามบ้านเรือน คือ ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า หอมกระเทียม ใบผักชีไทย มะขามเปียก พริก เกลือ เครื่องปรุงรสตามชอบ สามารถเพิ่มผักทั้งมะเขือ ถั่วฝักยาว ผสมลงไปได้ นำทั้งหมดที่คลุกเคล้ากันแล้วนำมากรอกลงใส่กระบอกไม้ไผ่ที่ล้างสะอาด และนำมะขามเปียกใส่ไป 1 ก้อนเล็กๆ ก่อนนำกระบอกไม้ไผ่ที่บรรจุไปด้วยเครื่องหลามไก่ ไปเผา ลักษณะคล้ายกับการเผา ข้าวหลาม ประมาณ 1 ชั่วโมง พอสุกได้ที่แล้ว ก็เทไก่ที่อยู่ในกระบอกไม้ไผ่ รับประทานได้เลย “หลามไก่” ซึ่งวิธีนี้ เป็นวิธีง่ายๆ ในการเดินไปทำงานในป่า ส่วนใหญ่ ชาวบ้านพื้นถิ่นนี้ จะทำแบบนี้เหมือนกันหมด ไม่เฉพาะต้องเป็นไก่เท่านั้น เป็นอะไรก็ได้ ที่ต้องการจะหารับประทาน อร่อยแบบวิถีชาวบ้าน เช่นเดียวกับข้าวหลาม เป็นอาหารอีกอย่างที่ชาวบ้านนิยม เนื่องจากเป็นทั้งขนมและอาหารว่างที่ชาวบ้านไว้กินเล่นยามหิวได้ โดยนายประทวน อ่อนคำมา ส.อบต.นครชุม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ข้าวหลาม เป็นอีกสิ่งที่ชาวบ้านทำไว้กินในครัวเรือน เป้นขนม และเป็นอาหารใช้กินได้ตลอดทั้งวัน ส่วนผสมไม่มีเพียง ข้าวเหนียวที่ปลูกเองเป็นข้าวใหม่ล้างน้ำและแช่ข้ามคืนทิ้งไว้ ก่อนนำมาผสมกันกะทิ เกลือและน้ำตาล จากนั้นกรอกใส่กระบอกไม้ไผ่ นำมาวางตั้งตามแนวดินที่ขุดเตรียมไว้ จากนั้นนำแกนข้าวโพดเป็นเชื้อเพลิง ค่อนๆเผา นานประมาณ 4-5 ชั่วโมง ก็จะได้ข้าวเหนียวที่อ่อนนิ่ม มีรสเค็มหวาน กลมกล่อม ซึ่งข้าวหลามที่ชาวบ้านทำสามารถเก็บไว้ได้ 2-3 วัน ไม่เสียง่าย เนื่องจากสภาพอากาศในหมู่บ้านที่ตั้งบนยอดเขานั้นเย็นกว่าพื้นล่างมาก