เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายว่า ที่ชุมชนบ้านผารังหมี หมู่ที่ 3 ตำบลไทรย้อย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นชุมชนหนึ่ง ที่ได้รับความสนใจ จากหลายหน่วยงาน หลายชุมชนจากทั่วประเทศ ติดต่อขอเข้ามาเพื่อศึกษาดูงาน ที่ทางชุมชนบ้านผารังหมี ได้สร้างการมีส่วนรวม ร่วมตัวกัน จากชุมชนเล็กๆ ที่มีเพียง คนในชุมชน 382 คน 127 หลังคาเรือน ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาปรับใช้ ในการเดินรอยตาม แนวทางพระราชดำริ จนทุกวันนี้ กลายเป็นชุมชนเกษตรปลอดสารพิษ แบบ 100 เปอร์เซ็นต์
นางสุดใจ ชมพูมี ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านผารังหมี กล่าวว่า แต่เดิมประมาณปี พ.ศ 2542 ชาวบ้านส่วนใหญ่ มีอาชีพหลักคือทำการเกษตร และพึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ใช้สารเคมี เพื่อช่วยผลผลิตที่ใช้เกินความจำเป็น ทำให้ต้นทุนการทำนาสูงจนขาดทุน อีกทั้งมีสารพิษตกค้างที่ผลผลิตและร่างกาย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจ จนกระทั่งได้มีการรวมกลุ่มกัน จากลุ่มเล็กๆ ทำเป็นตัวอย่างให้คนในชุมชนได้ดู ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับผลผลิต หันมาใช้สารอินทรีย์ทดแทน ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น จากการตัดรายจ่ายไม่จำเป็น จากการซื้อสารเคมี ที่สำคัญชาวนาบ้านผารังหมี มีสุขภาพที่ดีขึ้น
นายจันที ชมพูมี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 บ้านผารังหมี กล่าวว่า จากการที่ชาวบ้านเริ่มปรับวิถีชีวิต มาใช้ชีวิตแบบพอเพียง ก็ได้มีการส่งเสริมอบรม เริ่มตั้งแต่แปลงนา จะมีการปลูกปอเทือง เพื่อปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดในแปลงนา จากนั้นจะมีการสอนขบวนการทำปุ๋ยหมักสูตรเฉพาะของหมู่บ้าน ทำการหมักเก็บไว้ช่วงระหว่างหยุดพักการทำนา นอกจากนี้ยังมีการอบรมและร่วมกันสารไล่แมลงสูตรต่างๆ จากอินทรีย์ปลอดสารเคมี ทำให้ชาวนาสามารถขายผลผลิตข้าวเปลือกได้ตันละ 15,000 บาท หรือหากนำมาแปรรูป จะเพิ่มมูลค่าข้าวได้ถึงตันละ25,000 บาท ทั้งนี้หน่วยงาน สำนักงานสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรมของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ให้การสนับสนุน จนชุมชนประสบผลการทำนาอินทรีย์ ผลิตแปรรูปข้าวกล้องปลอดสารพิษเพิ่มมูลค่า ในตราผางาม จนทำให้ชุมชนบ้านผารังหมี ทุกวันนี้ เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ชาวบ้านมีความสุขกาย สุขใจ พร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ ชุมชนเข้มแข็ง ให้กับ หน่วยงานหรือชุมชน ที่สนใจ