วันที่ 26 ก.ย.59 นางรติรส มีคำแหง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่าตามที่ได้เกิดพายุดีเปรสชั่น ราอี และได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง และจะเคลื่อนไปปกคลุมภาคกลางตอนบน และภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้จะมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ส่งผลให้จังหวัดพิษณุโลกได้รับผลกระทบจากการเกิดอุทกภัย ณ วันที่ 13 – 25 กันยายน 2559 ไปแล้ว 9 อำเภอ 50 ตำบล 267 หมู่บ้าน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายกว่า 66,092 ไร่ บ่อปลา 157 บ่อ ถนนสาธารณะ 8 สาย
การให้ความช่วยเหลือจังหวัดพิษณุโลกได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจังหวัดขึ้นและให้อำเภอและอปท. จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ ในระดับอำเภอ และศูนย์ปฎิบัติการฉุกเฉินท้องถิ่นพร้อมแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำศูนย์ แบ่งมอบน้าที่การปฎิบัติอย่างชัดเจน โดยปฎิบัติตามแนวทาง ด้านการเตรียมการ ด้านการให้ความช่วยเหลือ มีการติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดและดำเนินการจัดประชุมเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญอุทกภัยเป็นระยะ ได้มีการบูรณาการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานทหาร ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 9 พิษณุโลก โครงการชลประทานพิษณุโลก โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายม – น่าน องค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่และองค์กาภาครัฐอื่นๆ ในการให้ความช่วยเหลือ ทั้งด้านกำลังพล เครื่องสูบน้ำและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ
ส่วนสถานการณ์ล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 25 กันยายน 2559 ได้รับรายงานว่าได้เกิดน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ของ หมู่ที่ 4 และ ม.5 ของต.บ้านพร้าว อ.นครไทย มีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำป่าท่วม จำนวนหลาย10 หลัง แต่ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก นอกจากนั้นถนนสายนครไทย-ชาติตระการ กระแสน้ำได้เอ่อท่วมสูงสะพานข้ามลำน้ำฐาน ระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร เป็นระทางยาวกว่า 200 – 300 เมตร จนรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ แต่รถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป สามารถเคลื่อนตัวผ่านไปได้อย่างช้าๆ
สำหรับเหตุการณ์น้ำป่าท่วมอย่างรวดเร็วครั้งนี้ เนื่องจากเกิดฝนตกหนักติดต่อกันนานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาผาขี่ควาย ได้ไหลหลากลงมาอย่างรวดเร็ว โดยที่ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงักไม่สามารถใช้เส้นทางระหว่าง อ.นครไทยกับ อ.ชาติตระการ ได้นานกว่า 2 ชั่วโมง กระทั่งเวลาประมาณ 18.30 น. ระดับน้ำป่าได้ลดระดับลง แต่ยังคงท่วมขังประมาณ 30 เซนติเมตร ทำให้สามารถใช้เส้นสัญจรไปมาได้ แต่มีเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบ เพื่อให้ผู้ขับขี่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ใช้ความระมัดระวังระหว่างขับผ่านกหระแสน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุอันตราย ซึ่งคาดว่าคืนนี้ฝนไม่ตกซ้ำระดับน้ำที่ท่วมจะลดลงสู่ภาวะปกติตามเดิม