วันที่ 28 เมษายน 2560 เวลา 08.30 น.พลโท วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีส่งทหารซึ่งรับราชการครบกำหนดและปลดจากกองประจำการในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ณ ลานอเนกประสงค์ กองทัพภาคที่ ๓ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ ( บชร.3) อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรมพิธีส่งทหารซึ่งรับราชการครบกำหนด และปลดจากกองประจำการรุ่นปี 2558 ผลัดที่ 1 ,รุ่นปี 2559 ผลัดที่ 1 และรุ่นปี 2559 ผลัดที่ 2 ของหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งประกอบด้วย กองบัญชาการกองทัพน้อยที่ 3, กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 4,กองบัญชาการกองพลพัฒนาที่ 3,กองบัญชาการช่วยรบที่ 3,มณฑลทหารบกที่ 39,กองพันทหารสื่อสารที่ 23 ,โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และกองร้อยกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 มีจำนวน 902 นาย ในการเป็นทหารกองประจำการของทหารทุกนาย จะได้รับการดูแลจากกองทัพเป็นอย่างดีทำให้ได้ซึ่งระเบียบ วินัย และความรับผิดชอบ สามารถนำไปปฎิบัติหลังการปลดจากกองประจำการเพื่อไปดูแลชุมชนหรือหมู่บ้านของตนเอง ทหารกองประจำการทุกรุ่นก่อนปลดประจำการทางกองทัพจะจัดอบรมวิชาชีพตามที่ถนัดให้กับทุกนาย โดยส่งอบรมที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานเขต 9เพื่อนำไปเป็นอาชีพต่อไป และอาชีพที่ต้องการทหารประจำการมากที่สุดคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
สำหรับธงชัยเฉลิมพล ถือได้ว่าเป็นยอดสำคัญสำหรับทหารทั้งปวง เป็นหมายแห่งชัยชนะรวมใจกล้าหาญก่อนการออกศึก ซึ่งธงชัยเฉลิมพลนั้น เดิมเรียกว่า “ธงประจำทัพ” ซึ่งมีความหมายอย่างยิ่งสำหรับทหารทุกนายเพราะถือว่าเป็นตัวแทน จอมทัพ และเป็นมิ่งขวัญแก่ทหารทั้งปวงเมื่อธงนี้โบกสะบัดอยู่ ณ ที่ใดย่อมหมายความว่า พระเจ้าอยู่หัวฯ ประทับอยู่ ณ ที่นั้น จำเป็นที่ทหารทั้งหลายจะต้องติดตามธงนั้นจนถึงที่สุด และต้องคุ้มครองป้องกันธงชัยเฉลิมพลไว้ด้วยชีวิตตนเอง เพราะถ้าธงตกถึงเงื้อมมือศัตรูย่อมหมายถึงการสูญสิ้น ซึ่งจอม-จตุรงค์ ธงชัยเฉลิมพลจะมีลักษณะคล้ายธงชาติ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นผู้ทรงประกอบพระราชพิธีด้วยพระองค์เอง ดังนั้น การเชิญธงชัยเฉลิมพลออกจากหน่วยและเข้าร่วมพิธีการใดก็ตามจะต้องกระทำอย่างสมเกียรติมีขั้นตอนที่สมบูรณ์ที่สุด และผู้ถือธงจะต้องได้รับการเลือกสรรอย่างดี หากเปรียบในสมัยโบราณผู้ที่จะต้องนำธงชัยเฉลิมพล ออกร่วมทำการรบพลประจำธงจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแรง มีความสามารถ และต้องรักษาธงชัยเฉลิมพลไว้ได้ด้วยชีวิต