ช่วยเเชร์ จ้า .....

 

นายแพทย์ปิยะ ศิริลักษณ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า เมื่อสำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 เวลา 19.00 น. ถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตแล้ว ณ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งถือว่าเป็นการสูญเสีย โศกเศร้าครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศที่อยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์เป็นอย่างยิ่งทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ทรงครองราชย์ 70 ปี ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทรงมีพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสกับปวงชนชาวไทย นานัปประการในการให้ทุกคนได้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคม และทรงเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพวกเราปวงชนชาวไทยทั้งประเทศในทุกๆ ด้าน ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาประชาชนสามารถเปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นพลังได้ดีด้วยการรวมพลังทำความดีดำเนินตามรอยพระยุคลบาท ร่วมไว้อาลัยสืบทอดพระราชปณิธานของพระองค์ท่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเพียรในการทำงานและความสามัคคีทำให้สังคมไทยได้ก้าวต่อไป

เมื่อถึงเวลาครบรอบ 1 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต และใกล้วันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในช่วงเวลานี้ประชาชนจะกลับมามีความรู้สึกโศกเศร้า คิดถึง ระลึกถึงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นอาการที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วและเคยปรับตัวปรับใจได้แล้วมาเกิดขึ้นซ้ำอีก แม้ว่าจะได้เตรียมใจมาก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม อาการดังกล่าวถือเป็นปฏิกิริยาทางจิตใจที่เกิดขึ้นตามปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้ในผู้ที่มีความรู้สึกสูญเสียมีความเศร้าจากการสูญเสียบุคคลหรือสิ่งที่เป็นความผูกพันยึดเหนี่ยวจิตใจขาดหายไป แต่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น และหมดไป อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนหมั่นสังเกตุจิตใจของตนเองและบุคคลใกล้ชิด ปลอบโยน ให้กำลังใจกันและกันหากมีอาการวูบวาบ หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น หรือเป็นมากถึงขั้นนอนไม่หลับ จนทำงานไม่ได้ ถือว่ามีความผิดปกติ ควรได้รับการช่วยเหลือทางจิตใจ ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือปรึกษาอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโทรปรึกษานักจิตวิทยาทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับคำแนะนำสำหรับประชาชนให้เตรียมความพร้อมทั้งกายใจ มีดังนี้

  1. ให้ประชาชนแสดงความรู้สึกของตนเองได้เต็มที่ ผ่านพิธีกรรมทั้งของรัฐ ทุกศาสนาและชุมชน เช่น มีส่วนร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ  กิจกรรมไว้อาลัย สวดมนต์และพิธีกรรมของแต่ละศาสนารวมทั้งการเขียนความรู้สึก การเล่าเรื่องความประทับใจที่มีต่อพระราชกรณียกิจของในหลวง    
  2. มีส่วนร่วมในการทำสิ่งที่ดีงามให้กับพระองค์ ตั้งใจ ตั้งสติ หมั่นทำกิจกรรมที่เป็นสาธารณกุศล เช่น การเป็นจิตอาสาช่วยในด้านต่างๆ การทำดอกไม้จันทน์ การร่วมทำบุญบริจาคหรือกิจกรรมอื่นๆ
  3. ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมกับครอบครัวให้เป็นประโยชน์ ไม่อยู่คนเดียว ช่วยกันดูแลคนใกล้ชิด ปลอบโยน ให้กำลังใจ                               
  4. ร่วมกันสืบทอดปณิธานของในหลวง เช่น แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง การบริหารจัดการน้ำ โครงการในพระราชดำริต่าง ๆ -2-
  1. ติดตามข่าวสารจากทางราชการเป็นระยะๆ โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และความภาคภูมิใจแต่ตนเองและครอบครัว
  2. หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้พัก

“ หากเรามีความทุกข์ใจ มีอุปสรรคต่างๆในชีวิตหรือการดำเนินชีวิต ก็ขอให้มองไปที่รูปของพระองค์ เสมือนพระองค์ท่านยังคอยเป็นกำลังใจให้พวกเราประชาชนชาวไทยได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ให้พร้อมต่อสู้สำหรับการดำเนินชีวิตต่อไปดั่งธ สถิตในดวงใจนิรันดร์ ”

 

[ngg_images source=”galleries” container_ids=”2183″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”0″ thumbnail_width=”120″ thumbnail_height=”90″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”200″ number_of_columns=”0″ ajax_pagination=”0″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”1″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”filename” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]

 

 

 

6090 เยี่ยมชมหน้านี้ทั้งหมด 2 เยี่ยมชมวันนี้

By Aui

error: สวัสดีค่ะ