[youtube video=”https://www.youtube.com/watch?v=P93TMd41X3g” autohide=”2″ color=”red” controls=”1″ iv_load_policy=”1″ theme=”dark” quality=”default” button_layout=”default” button_theme=”default” button_subscriber_count=”default”]
วันที่ 29 มิถุนายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีนายไพศาล นุชพ่วง ข้าราชการบำนาญ กรมการข้าว อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/4 หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านกร่างอำเภอเมืองพิษณุโลก ได้เข้าแจ้งความ ต่อร้อยเวรร้อยตำรวจเอก สุรพงษ์เหมือนศรีชัย ร้อยเวร สภ. เมืองพิษณุโลกว่า บุตรชายคือนายนราวิช รถพ่วง อายุ 27 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ทำร้ายร่างกาย โดยการต่อยถูกเบ้าตา ด้านขวาแตก ต้องเย็บถึง 6 เข็ม เหตุเกิดเมื่อวันที่.28 มิถุนายน 2562 ณ บริเวณศาลาที่พักริมทาง หน้าวัดพระขาวชัยสิทธิ์ ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
[youtube video=”https://www.youtube.com/watch?v=aO3irKSHUWA” autohide=”2″ color=”red” controls=”1″ iv_load_policy=”1″ theme=”dark” quality=”default” button_layout=”default” button_theme=”default” button_subscriber_count=”default”]
ภายหลังจากที่นายนราวิช ได้ทำบาดแผลจากโรงพยาบาลพุทธชินราช ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวและตั้งข้อหา “ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถที่ใช้ในการขนส่ง และขับรถในขณะที่มีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย” และถูกควบคุมตัวไว้ที่ห้องขัง สภ.เมืองพิษณุโลก และในตอนเช้าวันที่ 29 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวนายนราวิชญ์พ่วงส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก และได้รับการประกันตัวออกมาในวงเงิน 50,000 บาท ทางด้านนางสาวณิชาภัทร นุชพ่วง ประกอบอาชีพทนายความ น้องสาวนายนราวิช กล่าวภายหลังมาประกันตัวพี่ชายว่า ขณะนี้พี่ชายมีอาการปวดเบ้าตาและปวดหัวอยู่ตลอดเวลา ภายหลังที่ตำรวจคุมตัวไว้ไม่ได้หยอดตาตามหมอสั่ง เพราะถูกห้ามนำสิ่งของเข้าไปในห้องขัง และต้องไปพบหมออีกครั้ง เพราะแพทย์ได้แจ้งว่ากระดูกเบ้าตาร้าว และเยื่อบุตาเคลื่อน ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาและดูอาการประมาณ 2 เดือน “ซึ่งยืนยันที่จะเอาเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ขณะนี้รอผลการตรวจสอบปัสสาวะ ทางนิติวิทยาศาสตร์ จากแพทย์รับรอง ถ้ามีสารเสพติดเกินที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งฟ้องศาลอีกครั้ง ถ้าไม่เกินก็จะไม่ดำเนินคดี นางสาวนิชาภัทร กล่านายนราวิช กล่าวว่า ในขณะตนขับรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ที่ไปจอดที่หน้าวัดพระขาวชัยสิทธิ์ ตนเห็นมีคนขายล็อตเตอรี่ จึงลงไปเพื่อจะเลือกซื้อ แต่พอลงไปจอดไม่ถึง 1 นาที ก็มีชายขับรถวีออสสีดำลงมา 4 คน ถามว่ายาอยู่ไหนได้ข่าวว่ามีเป็นร้อย ตนจึงตอบว่าไม่มี ไม่ได้ขาย ผมไม่ได้ทำ ชายดังกล่าวจึงเข้ามายึดโทรศัพท์มือถือของตนไปพร้อมทั้งบังคับให้ใส่รหัสปลดล็อค ตนไม่ยอม เนื่องจากมีเงินอยู่ในบัญชีเป็นจำนวนมากและใช้รหัสเดียวกันกับรหัสเปิดมือถือ “เนื่องจากไม่มีการแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยความกลัว จึงจะวิ่งหนีกลุ่มชายดังกล่าว แต่ชายเข้ามาล็อคแขน ตนแล้วต่อยเข้าที่เบ้าตาอย่างรุนแรงจนทำให้เบ้าตาแตก เลือดไหลไม่หยุด หลังจากที่นำตนมาที่โรงพัก จึงส่งตัวไปโรงพยาบาลพุทธชินราช เพื่อให้หมอทำบาดแผล” นายนราวิช
ด้านพ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ยอมรับว่าบุคคลที่ถูกญาติผู้ต้องหาแจ้งความ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ. เมืองพิษณุโลกจริง เนื่องจากมีสายข่าวรายงานว่า บุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงเข้าไปตรวจสอบผู้ต้องหารายนี้และมีการฉุดกระชากกันขึ้น เป็นเหตุชุลมุน ทำให้ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม จะต้องดำเนินคดีตามข้อกล่าวหา และญาติที่มาแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายตามขั้นตอนของกฎหมาย
สำหรับนายนราวิช เป็นกรรมการห้างหุ้นส่วนจำกัด พิษณุโลกเครื่องกล ซึ่งผลิตอุปกรณ์เหล็กส่งให้กับบริษัทยักใหญ่แห่งหนึ่ง มีมูลค่าสัญญาในวงเงิน 10,000,000 บาท การที่ ได้รับบาดเจ็บ ทำให้เสียเวลาในการทำงานส่งวัสดุเป็นอย่างมาก