หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก เร่งทำฝนเทียม เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ทางการเกษตร ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบน ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง
เมื่อเวลา 10.00 น.ของ วันที่ 13 กรกฎาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก นายกฤติชัย ธรรมสอน นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จังหวัดพิษณุโลก ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตามที่ขณะนี้ ในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก เนื่องจากฝนยังไม่ตกตามฤดู ส่งผลทำให้พืชผลทางการเกษตรไร่-นาของประชาชน ได้รับความเดือนร้อนจากการขาดแคลนน้ำอย่างหนัก ประกอบกับในปีนี้ มีการปรับปฏิทินการจ่ายน้ำเข้าช่วยพื้นที่ทางการเกษตรให้เร็วขึ้น ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จึงทำให้ระดับน้ำในเขื่อนหลักอย่างเช่น เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ และเขื่อนแควน้ำบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณน้ำที่กักเก็บที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาก จึงต้องเร่งทำฝนเทียม เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเติมน้ำเข้าเขื่อนอย่างเร่งด่วน นายกฤติชัย ธรรมสอน นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จังหวัดพิษณุโลก กล่าวอีกว่า ภารกิจในการขึ้นทำฝนหลวงในวันนี้ พื้นที่เป้าหมายคือช่วยเหลือพื้นที่ทางการเกษตรภาคเหนือตอนล่างทั้งหมด ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ – นา ที่ได้รับความเดือดร้อน เสียหายจากการลงเพาะปลูก และจากการตรวจสอบสภาพอากาศในช่วงเช้า พบว่าในวันนี้ สภาพอากาศมีความเหมาะสม จึงได้ขึ้นบินทำฝนหลวงตามคำร้องขอทันที ถึงแม้ว่าในระยะนี้ จะมีฝนตกลงมาบ้าง แต่ปริมาณน้ำยังไม่เพียงพอต่อประชาชน ที่มีอาชีพทางการเกษตร ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน ทั้ง 5 จังหวัด ประกอบด้วย จ.อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย และจังหวัดกำแพงเพชร โดยวันนี้ ได้เตรียมเครื่องบินรุ่น คาราแวน บรรทุกสารโซเดียมคลอไรด์ น้ำหนัก 800 กิโลกรัม ขึ้นบินในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ และพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนเครื่องบินรุ่นคาซ่า บรรทุกสาร โซเดียมคลอไรด์ น้ำหนัก 1000 กิโลกรัม ขึ้นบินในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร และพื้นที่ใกล้เคียง โดยบินในลักษณะวางแกนกลั่นตัวสร้างเม็ดน้ำให้เป็นเมฆ จากนั้นจะคอยตรวจสอบสภาพอากาศ ว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน หากมีการเกิดเม็ดฝนเกาะกลุ่มกัน ก็จะขึ้นบินเพื่อนำสารแคลเซียมอ๊อกไซค์ ไปเลี้ยงให้เมฆอ้วน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 2 และหากอ้วนแล้ว จะนำขึ้นจู่โจมเม็ดฝนในกระบวนการที่ 3 และที่ 4 ต่อไป โดยวันหนึ่งจะขึ้นบินประมาณ 9-12 เที่ยว นอกจากนี้ในวันพรุ่งนี้ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่จะนำเครื่อง ทำฝนหลวงมาช่วยในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างอีกจำนวน 2 ลำ เพื่อเร่งออกปฏิบัติการทำฝนหลวงในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งพื้นที่ทางการเกษตรกำลังประสบภัยแล้งขาดแคลนน้ำอย่างหนัก และเร่งเติมน้ำเข้าเขื่อนเพื่อรักษาสมดุลของเขื่อนอย่างเร่งด่วนต่อไป