ตามนโยบายของรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิสำเนาหรือท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด และมุ่งเน้นการลดการเกิดอุบัติเหตุการบาดเจ็บ การสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงวันหยุดวันสำคัญทางพุทธศาสนา ระหว่างวันที่ ๔ – ๗ ก.ค.๖๓
วันนี้ (๒ ก.ค.๖๓) เวลา ๑๓.๓๐ น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวก ด้านการจราจรและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงวันหยุดวันสำคัญทางพุทธศาสนา ระหว่างวันที่ ๔ – ๗ ก.ค.๖๓
สำหรับนโยบายด้านการจราจรในช่วงวันหยุดวันสำคัญทางพุทธศาสนาของ ตร.
มีจุดเน้น ดังนี้
- การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร ในช่วงที่มีประชาชนออกเดินทางจำนวนมากได้จัดเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ และระบบการสื่อสารเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ซึ่งตำรวจทางหลวงเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบอำนวยความสะดวกการจราจรในถนนสายหลัก และมีตำรวจพื้นที่สนับสนุนการปฏิบัติ พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย โดยมีอำนวยศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรอยู่ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง หมายเลขสายด่วน 1193 หรือดาวน์โหลด line application @highway1193 และในพื้นที่ กทม.สอบถามได้ที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขสายด่วน 1197 ไว้สำหรับสอบถามเส้นทาง แจ้งอุบัติเหตุ รับข้อมูลประชาสัมพันธ์เส้นทาง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีชุดสายตรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ทหาร ออกตรวจสถานีขนส่ง ท่ารถโดยสารสาธารณะ เพื่อกำกับดูแลและตรวจสอบการขนส่งผู้โดยสารที่เป็นการขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยต้องมีการจัดระบบและระเบียบต่างๆ และลดความแออัดของผู้โดยสาร ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังได้ออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร
ทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดช่องหรือแนวทางเดินรถขึ้นและล่องในถนนบางสาย
ห้วงวันหยุดต่อเนื่อง พ.ศ.๒๕๖๓ (ขาขึ้น ๙ จุด ระหว่างวันที่ ๓ – ๕ ก.ค.๖๓ และขาล่อง จำนวน ๑๗ จุด ระหว่างวันที่ ๖ – ๘ ก.ค.๖๓) ใช้เป็นช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) เพื่อระบายรถช่วงที่หนาแน่นให้คล่องตัว
- การอำนวยการจราจรและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ที่มีการจัดกิจกรรมทางศาสนาของวัดให้เกิดความเรียบร้อย พร้อมการให้คำแนะนำแนวทางปฏิบัติในการป้องกันโรคติดต่อ
โควิด-19 - การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ตามกฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก
(๑๐ รสขม) และ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2๕๕๑ รวมถึงการขยายผลดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖ โดยนำฐานข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุที่ผ่านมากำหนดจุดเสี่ยงเพื่อกำหนดมาตรการในการตั้งจุดตรวจ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ กวดขันการสวมหมวกนิรภัย และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วแต่ละพื้นที่ให้มากที่สุดดำเนินการกวดขันวินัยจราจรบริเวณถนนสายรองที่เกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ตร. ได้กำชับการกวดขันจับกุมการจำหน่ายแอลกอฮอล์ในเวลาห้าม และสถานที่ห้ามจำหน่าย กรณีเกิดอุบัติเหตุจราจร เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจะตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกฝ่าย และดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดกับผู้กระทำผิด กรณีเมาแล้วขับ หรือแข่งรถในทางจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ความตาย หากผู้ขับขี่ในขณะเมาสุรา อายุต่ำกว่า ๑๘ ปี จะขยายผลดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายสุรา
ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ และขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือบุคคลที่จำหน่ายหรือให้สุราแก่เด็กตาม
พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
จึงขอประชาสัมพันธ์ให้สื่อมวลชนและประชาชนทราบถึงแนวทางการดำเนินการและมาตรการต่างๆที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำมาบังคับใช้เพื่อประโยชน์สุขแก่สังคมโดยรวม ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกการจราจร
ให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวโดยสะดวกและปลอดภัยโดยทั่วกัน