วันที่ 4 สิงหาคม 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 144 ณ ศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันโท วรปรัชญ์ กาศสกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้
ตามที่ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ได้มีนโยบายปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ โดยบูรณาการหน่วยงานที่มีภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้บุกรุก ยึดถือ ครอบครอง ทำลาย หรือด้วยการกระทำใดๆ อันเป็นการทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สภาพป่า โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในทุกพื้นที่นั้น ได้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามในพื้นที่ ห้วงวันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2564 ดังนี้
เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เวลาประมาณ 11.00 น. หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 โดย กองร้อยทหารพรานที่ 3602, กองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 336, หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ แม่ฮ่องสอน 3 (ขุนยวม) และฝ่ายปกครอง อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน กำลังลาดตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เงา – แม่สำเพ็ง ตำบลขุนยวม อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผลการปฏิบัติตรวจพบ/ตรวจยึดพื้นที่บุกรุกฯ จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 16 ไร่ พร้อมของกลางไม้พลวงท่อน จำนวน 5 ท่อน (รวมปริมาตร 1.47 ลูกบาศก์เมตร) จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง ไม่พบตัวเจ้าของไม้หรือตัวผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันตรวจยึดของกลางดังกล่าวพร้อมทั้งแจ้งพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 เวลาประมาณ 09.00 น. หมวดระวังป้องกัน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับ กองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 336, หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ แม่ฮ่องสอน 2 (เมืองแม่ฮ่องสอน) กำลังลาดตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณพื้นที่บ้านผาบ่องเหนือ ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผลการปฏิบัติตรวจพบ/ตรวจยึดของกลางไม้สักท่อน จำนวน 13 ท่อน (รวมปริมาตร 8.36 ลูกบาศก์เมตร) จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง ไม่พบตัวเจ้าของไม้หรือตัวผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันตรวจยึดของกลางดังกล่าวพร้อมทั้งแจ้งพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ที่ 3 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่จาก หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จาก หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ แม่ฮ่องสอน 10 (ห้วยชมภู) กำลังลาดตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตามแนวทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 เส้นทางเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน มาถึงบริเวณใกล้สามแยกทางเข้าหมู่บ้านห้วยหนองหวาย ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้พบไม้สักท่อน จำนวน 1 ท่อน, ไม้สักแปรรูป จำนวน 14 แผ่น, เลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 1 เครื่อง ซุกซ่อนอยู่บริเวณพุ่มไม้ข้างทาง และบริเวณใกล้ๆ กันยังพบรถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง ไม่พบตัวเจ้าของไม้หรือตัวผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันตรวจยึดของกลางดังกล่าวพร้อมทั้งแจ้งพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ที่ 4 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารจาก หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 กับเจ้าหน้าที่จาก อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน, สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (สาขาแม่ฮ่องสอน), สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (สาขาแม่สะเรียง) และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายอัครพงษ์ (สงวนนามสกุล) พร้อมด้วยของกลางเป็น ไม้สักแปรรูป จำนวน 12 แผ่น (ปริมาตร 0.18 ลูกบาศก์เมตร), รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีดำ และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟไอ จากกรณีที่เข้าไปตัดและแปรรูปไม้สัก ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณป่าห้วยมะไฟ หมู่บ้านแม่จ๋า ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ ขอความกรุณาได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในการปราบปรามและจับกุม อย่างเป็นรูปธรรมตามกฎหมาย อีกทั้งหากพี่น้องประชาชนมีความประสงค์จะส่งข้อมูล การลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ โดยตรง ให้กับ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 สามารถส่งข้อมูลผ่านระบบ Applications Line ชื่อ “สายตรงแม่ทัพภาคที่ 3” ID Line : ISOC3 เพื่อรับทราบข้อมูลและนำไปสู่การปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย สร้างความมั่นคงให้สังคมไทยสืบไป