ข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ภัยเงียบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี ซึ่งสามารถถ่ายทอดเชื้อสู่ผู้อื่นได้ และนำไปสู่ภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ โดยโรคดังกล่าวยังเป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ หากประชาชนมีพฤติกรรมเสี่ยงขอให้เข้ารับบริการตรวจคัดกรองและ รับการรักษาโดยเร็ว พร้อมตั้งเป้ากำจัดโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี ให้หมดไปภายในปี 2573
โรคไวรัสตับอักเสบถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ทั้งในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ จึงได้กำหนดให้มีการรณรงค์โรคไวรัสตับอักเสบ ภายใต้หัวข้อ “Hepatitis can’t Wait : โรคไวรัสตับอักเสบบีและซี ตรวจเร็ว รักษาเร็ว รอไม่ได้” โดยเน้นการสื่อสารให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี สร้างความตระหนักในการป้องกันตนเอง
ซึ่งสถานการณ์ของโรคตับอักเสบทั่วโลก จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังประมาณ 257 ล้านคน และผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังประมาณ 71 ล้านคน สถานการณ์ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ประมาณ 2.2-3 ล้านคน และผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ประมาณ 8 แสนคน พบมากในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และพบอัตราการเสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
โรคไวรัสตับอักเสบบี และซี สามารถติดต่อผ่านทางเลือดและสารคัดหลั่ง การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย สำหรับโรคไวรัสตับอักเสบบี สามารถติดต่อจากแม่สู่ลูกได้ ทั้งนี้ โรคไวรัสตับอักเสบบี มีวัคซีนในการป้องกัน หากมีพฤติกรรมเสี่ยงให้รีบไปตรวจคัดกรองโดยเร็ว สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ควรรีบมาฝากครรภ์ และรับการตรวจหาโรคไวรัสตับอักเสบบี เพื่อลดการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันได้มีการใช้วัคซีนเพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในเด็กแรกเกิดทุกคน เพื่อป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี แต่สำหรับประชาชนที่เกิดก่อนปี 2535 ควรตรวจหาภูมิคุ้มกันโรคไวรัสตับอักเสบบี หากไม่มีภูมิคุ้มกัน แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี ให้ครบชุด จำนวน 3 เข็ม ซึ่งจะป้องกันไวรัสตับอักเสบบี และลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ ส่วนโรคไวรัสตับอักเสบซี ไม่มีวัคซีนในการป้องกัน แต่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการทานยาต้านไวรัสให้ครบ 12 สัปดาห์ ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ควรเข้ารับบริการตรวจคัดกรองและรักษาโดยเร็ว
ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 และแพทย์ทหาร จึงมีความห่วงใยต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 และพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งหากพบว่าตนเอง หรือคนรอบข้างมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี ขอให้ได้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ หรือโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี ภาวะตับแข็ง และโรคมะเร็งตับ เพื่อนำไปสู่การกำจัดโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีให้หมดไปภายในปี 2573
********************************
คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 3
25 พฤศจิกายน 2564