จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่อย่างรุนแรงในช่วงเดือนเมษายน 2564 กองทัพภาคที่ 3 จึงได้มอบหมายให้ หน่วยทหารในพื้นที่ภาคเหนือ ริเริ่มปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เพื่อนำไปเป็นยารักษาโรคโควิด-19 โดยมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินการ ดังนี้
1) เพื่อขยายพันธุ์เพิ่ม สำหรับปลูกทดแทนและขยายพื้นที่การปลูก รวมทั้งเพื่อมอบต้นกล้าฟ้าทะลายโจร แก่กำลังพล, ครอบครัว, ประชาชนทั่วไป รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่สนใจนำไปเป็นยาสมุนไพรรักษาโรค โควิด-19
2) เพื่อนำฟ้าทะลายโจรไปแปรรูปเป็นยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร รักษาโรคโควิด-19 โดยร่วมกับหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีสถานที่และเครื่องมือการแปรรูปที่ได้มาตรฐาน
ในการนี้ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ได้มอบเครื่องอบใบยาและเครื่องผลิตยาฟ้าทะลายโจร แก่พี่น้องประชาชน ในการสร้างชุมชนเข้มแข็งและพึ่งพาตัวเอง ซึ่งในช่วงนี้เป็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ณ วัดบึงเฒ่า ตำบลหนองโสน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร รวมทั้ง เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 โครงการทหารพันธ์ดี กองทัพภาคที่ 3 โดย กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ได้ดำเนินการเก็บเกี่ยวต้นฟ้าทะลายโจร จำนวน 34.70 กิโลกรัม และต้นฟ้าทะลายโจรตากแห้ง อีกจำนวน 2 กิโลกรัม เพื่อนำไปมอบแก่วัดดังกล่าว ในการผลิตยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร เพื่อสืบสาน และต่อยอด รวมถึงใช้ประโยชน์ในการป้องกัน และรักษาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป
สำหรับ “ฟ้าทะลายโจร” เป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ 30 – 70 เซนติเมตร มีรสขมทุกส่วน ออกดอกเป็นช่อ กลีบดอกสีขาว มีผลเป็นฝักสีน้ำตาล มีเมล็ดอยู่ด้านใน เป็นสมุนไพรที่มีผลการวิจัยรองรับและเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติสมุนไพร โดยมีข้อบ่งชี้สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อย เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่รุนแรงต่อไป โดยมีสาระสำคัญ “Andrographolide” ในการยับยั้งการเข้าสู่เซลล์และยับยั้งการจำลองแบบของสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส โดยรับประทานยาเม็ดฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณของสารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งรับประทานวันละ 3 ครั้ง ต่อเนื่อง 5 วัน
การดำเนินกรรมวิธีปลูกฟ้าทลายโจร ของโครงการทหารพันธุ์ดี กองทัพภาคที่ 3 มีรายละเอียดดังนี้
1. การขยายพันธุ์พืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร มี 2 วิธี ได้แก่
1.1 ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ใช้เมล็ดจากฝักแก่จัดที่มีสีน้ำตาลแดง ลักษณะสมบูรณ์ ปราศจากโรคและแมลง ก่อนปลูกนำเมล็ดแช่น้ำที่อุณหภูมิห้อง 6-12 ชั่วโมง จากนั้นนำมาหว่าน (นำเมล็ดมาผสมทรายหยาบ อัตรา 1 : 1-2) หรือนำมาโรยเมล็ด (โรยเป็นแถวขุดร่องตื้นๆ เป็นแถวยาว โดยมีระยะห่างระหว่างแถว ประมาณ 40 เซนติเมตร โรยเมล็ดกลบดินบางๆ)
1.2 การเพาะกล้า ขุดหลุมกว้างประมาณ 15 เซนติเมตร ลึกประมาณ 8-12 เซนติเมตร เป็นแถว ระยะห่างระหว่างต้น 20-30 เซนติเมตร และระหว่างแถว 40 เซนติเมตร
2. การเก็บเกี่ยว : เก็บเกี่ยวระยะเริ่มออกดอก ถึงระยะดอกบาน 50% หรืออายุต้นหลังปลูก ประมาณ 90 วัน เพื่อให้มีสารสำคัญในการออกฤทธิ์สูง และควรเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงเช้า
3. วิธีเก็บเกี่ยว : ตัดทั้งต้นเหนือดินประมาณ 5-10 เซนติเมตร
4. สายพันธุ์ที่เพาะปลูก : ดำเนินการตามคำแนะนำของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการปลูก 2 สายพันธุ์ ที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์สูง ได้แก่
4.1 สายพันธุ์พิจิตร 4-4 มีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ มากถึง 12.20 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม
4.2 สายพันธุ์พิษณุโลก 5-4 มีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ มากถึง 8.89 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม
จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อมที่จะสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ทางทหาร รวมทั้งบูรณาการศักยภาพทางการทหารในทุกๆ ด้านของกองทัพบก เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากวิกฤตทุกโอกาส
********************************
คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 3
11 พฤศจิกายน 2564